บางครั้งเมื่อเจ้าของเล่นคลุกคลีกับสุนัขอย่างใกล้ชิด มักได้กลิ่นผิดปกติจากช่องปากของสุนัข กลิ่นเหล่านี้มักเป็นกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ โดยส่วนใหญ่สุนัขที่พบปัญหากลิ่นปาก มักเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีอายุยืนยาวนานกว่าสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ อีกทั้งในสุนัขสายพันธุ์เล็ก รวมถึงสุนัขที่มีหน้าสั้น มักมีการเรียงตัวของชุดฟันอย่างหนาแน่นและใกล้ชิด ส่งผลให้เกิดการสะสมของคราบอาหารที่เหมาะแก่การเจริญของเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก สาเหตุโดยทั่วไปของการมีกลิ่นปากไม่พึงประสงค์จะบ่งบอกถึงลักษณะความผิดปกติในช่องปาก รวมถึงสาเหตุอื่นๆ เช่น
• การอักเสบของเหงือกและบริเวณช่องปาก
• ฝีอักเสบบริเวณฟันและรากฟัน
• สิ่งแปลกปลอม เช่น กระดูกหรือเส้นขนที่ติดอยู่ภายในช่องปาก
• เนื้องอกในบริเวณช่องปาก
• ความผิดปกติต่างๆ ของระบบทางเดินหายใจ เช่น ช่องและโพรง
• จมูกอักเสบ หรือมีเนื้องอกในท่อทางเดินหายใจ
• ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารส่วนต้น เช่น หลอดอาหารขยายใหญ่ มีเนื้องอกหรือสิ่งแปลกปลอมในหลอดอาหาร
• ปัญหาของผิวหนังบริเวณใบหน้า เช่น ผิวหนังอักเสบบริเวณริมฝีปาก
• ปัญหาระบบขับถ่ายปัสสาวะ เช่น ในกรณีที่สุนัขป่วยเนื่องจากภาวะไตวายเรื้อรัง
จากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่างๆ บริเวณช่องปากและอวัยวะใกล้เคียง รวมกับการสะสมของคราบอาหารซึ่งเป็นแหล่งอาหารอย่างดีให้กับเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อแบคทีเรียที่ดำรงชีวิตแบบไม่ใช้ออกซิเจน ก่อให้เกิดขบวนการหมักและผลิตแก๊สกลุ่มซัลไฟด์ ซึ่งเป็นแก๊สที่มีกลิ่นเหม็น นอกจากนั้น แก๊สในกลุ่มซัลไฟด์นี้ ยังส่งผลให้เกิดความผิดปกติบริเวณขอบเหงือก และเพิ่มการดูดซึมของเชื้อแบคทีเรียและสารพิษที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น
ลักษณะอาการ
อาการต่างๆ ที่สุนัขแสดงออกในกรณีที่มีความผิดปกติ และส่งผลให้เกิดกลิ่นปาก ได้แก่
• อาการซึม และเบื่ออาหาร
• เจ็บบริเวณปากและกินอาหารลำบาก
• พบเลือดออกจากบริเวณปากและเหงือกของสุนัข
• มีน้ำลายไหลตลอดเวลา
• บางกรณี สุนัขอาจแสดงอาการตะกุยบริเวณปาก
หากเจ้าของพบสุนัขแสดงอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบนำสุนัขเข้ารับการตรวจช่องปากและตรวจการทำงานของร่างกายอื่นๆ อย่างละเอียด เนื่องจากความผิดปกติบางอย่าง อาจมีอันตรายต่อสุนัข เช่น การมีหินปูนและช่องปากอักเสบ รวมกับการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียและสารพิษในกระแสเลือด ส่งผลให้มีความผิดปกติของหัวใจ ตับ และไต รวมทั้งหากมีก้อนเนื้อหรือสิ่งแปลกปลอมในบริเวณทางเดินอาหาร หรือทางเดินหายใจส่วนต้น อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติร้ายแรงได้ โดยทั่วไปสัตวแพทย์จะแนะนำให้เจ้าของสุนัขทำการตรวจสุนัขโดย
• การตรวจสุขภาพโดยทั่วไปของสุนัขและการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาความผิดปกติในร่างกาย
• ตรวจช่องปากอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของฟันและเหงือก (อาจจำเป็นต้องวางยาสลบสุนัข)
• ในกรณีที่พบว่าเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟัน เช่น การอักเสบบริเวณฟันหรือมีฝีบริเวณรากฟัน อาจทำการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ช่องปากของสุนัข เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุของความผิดปกติ
การรักษาและป้องกัน
การรักษาหรือแก้ไขปัญหากลิ่นปากในสุนัข ควรทำการรักษาโดยมุ่งไปที่สาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความผิดปกติ ร่วมกับการทำความสะอาดในบริเวณช่องปาก เช่น การขูดหินปูน และการดูแลความสะอาดภายในช่องปากของสุนัขอย่างต่อเนื่อง
ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการทำความสะอาดและลดคราบอาหารภายในช่องปากมากมายหลายชนิด เช่น แปรงและยาสีฟันสำหรับสุนัข อาหารหรือขนมที่มีส่วนประกอบในการลดคราบอาหารและหินปูนในช่องปาก ในกรณีที่มีการอักเสบแบบติดเชื้อบริเวณช่องปาก สัตวแพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะแก่สุนัขรวมกับการใช้สารละลายที่มีส่วนประกอบของสารคลอเฮกซีดีน ในการทำความสะอาดบริเวณช่องปาก